สไตล์การทำงานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างผมนั้นชอบที่จะทำงานเงียบๆในเวลาต้องเขียนโปรแกรมที่ใช้สมาธิสูง พวกระบบที่ไม่เคยทำมาก่อนอันนี้อาจจะต้องคิดเยอะหน่อย แต่ถ้าระบบไหนที่เคยผ่านมาบ้างแล้ว และพอวางแผนว่าจะมีอะไรต่อไปได้ ก็จะฟังเพลงร๊อกมันส์ๆ หรือที่มีเนื้อร้องเร็วๆยิ่งดีเลย เพราะจะบรรเลงคีย์บอร์ดเขียนโค้ดโปรแกรมอย่างสนุกสนาน
ถ้าใครเป็นแนวนี้แล้วยิ่งทำงานใน Office แนะนำว่าใส่หูฟังซะก่อนที่จะโดนเพื่อนร่วมงานบันดาลโทสะฟาดด้วยคีย์บอร์ดแบบไม่ปราณี เวลาที่ทำงานติดต่อกันประมาณ 3-4 ชั่วโมง ผมมักจะหยิบกีตาร์ตัวโปรดและหาคอร์ดเพลงในเว็บมาเล่น 2-3 เพลง เป็นเหมือนการผ่อนคลายอย่างช่วยรีเซ็ตตัวเองให้มีพลังความสดชื่นกลับมาทำงานได้มีประสิทธิภาพอีกครั้ง มันช่วยได้เยอะมากเลยครับสำหรับผม “ลืมบอกไปผมทำงานจากที่บ้านเลยสามารถที่จะร้องเพลงบ้าบ้อตามใจตัวเองได้”
แน่นอนผมทำงานด้านเว็บไซต์และกำลังเริ่มจะเข้าสาย App บนมือถือแล้ว ยิ่งต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ผมชอบอ่านบทความพัฒนาตัวเอง และการทำธุรกิจตามเว็บต่างๆ ช่วงเวลาที่ “ต้องอ่าน”นี้ผมมักจะปิดเพลงไปเลยเงียบๆ กับอีกอย่างคือฟังเพลงบรรเลง
โดยเฉพาะของ Mozart ซึ่งด้วยความที่ไม่มีเนื้อร้องเราจะใช้เสียงดนตรีช่วยซึมซับเนื้อหาที่เราอ่านได้ง่าย เคล็ดลับนี้ได้มาจากคุณ บัณฑิต อึ้งรังษี และมีงานวิจัยประกอบด้วย ทีแรกก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่พอลองฟังดู
เออจริงแฮ๊ะ! สมองเราไม่ต้องแบ่งไปรับรู้กับเพลงที่มีคำร้องนั้นทำให้รับความรู้จากการอ่านได้ไม่มีวอกแวกเลยทีเดียว ยังไงซะชีวิตก็ขาดดนตรีไม่ได้หรอกนะคนเรา ไม่งั้นคงขาดท่วงทำนองในดำรงอยู่จิตวิญญาณในการใช้ชีวิตเป็นแน่ “เพราะชีวิตต้องการความสมดุล งาน ครอบครัว คนรัก และตัวตนของเรา”
“ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก…”