ตาตั้ม • โพสต์.

ความกล้าและความขี้เกียจในการออกกำลังกาย

Tum Sirichai
ตาตั้ม

ว่าตั้งใจเขียนบล็อกให้ต่อเนื่องแต่ทำไม่ได้สักที หลายเดือนมานี้ทำอะไรหลายอย่างมาก ส่วนใหญ่จะหนักไปทางงาน และหาเงินเพราะด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลทางบ้าน สิ่งที่ตั้งใจเรื่องอื่นๆเลยขาดหายไป “ชีวิตเริ่มไม่บาลานซ์…”

นอกเรื่องไปนิดอย่างเคย เดิมทีตั้งใจว่าจะออกกำลังกายให้สม่ำเสมอมากกว่านี้ แต่ทุกวันนี้ยังทำไม่ได้เมื่อช่วงปลายปีก่อนผมพยายามกลับไปเล่นบาสฯแต่แล้วก็เจ็บเข่า (ไม่ได้ดูสังขารตัวเอง 555+) เลยต้องหยุดวิ่งหรือเดินไปในทันทีเพราะมันทรมานมาก นั่งยองไม่ได้เวลาต้องนั่งอึส้วมซึมนี่ถึงขั้นชีวิตบัดซบ น้ำตาไหลรินเพราะความเจ็บปวดเอาถึงขั้นแหยงไม่กล้ากลับไปเล่นบานฯเลยทีเดียว

สาเหตุนอกจากอายุก็คงเป็นเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น นานมาแล้วผมหนัก 99 กก. และลดน้ำหนักลงภายใน 7 เดือน เหลือ 72 กก. ด้วยวิธีควบคุมอาหาร และวิ่งเหยาะ มันใช้ความพยายามอย่างมากในการเริ่มต้น แต่ถ้าทำติดแล้วมันจะกลายเป็นชีวิตประจำวัน ซึ่งแน่นอนตอนนั้นผมประสบความสำเร็จ

แต่ ณ ขณะที่ผมกำลังพิมพ์ตอนนี้ “น้ำหนักผมกลับมาที่ 96 กิโลกรัม แล้วครับ”

สาเหตุก็คือผมกินมากและไม่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะหนักไปทางกินซะมากกว่า เพราะลำพังตัวเองหักห้ามใจเรื่อกินยากแล้ว ยังมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยหลายอย่าง เพราะมีแต่คนซื้อและทำอาหารมาให้กินตลอดเวลา แต่อย่าไปโทษใครเลย “ตัวมรึงล้วนๆ” (ด่าตัวเองซะ)

ตอนต้นปีโทรถามเพื่อนที่เล่นเวท และ chat ไปถามนักกล้ามทีมชาติไทย เรื่องจะกลับมาเล่นเวทอีกครั้ง สมันก่อนเคยเล่นได้ 1 ปีตอนนั้นมีแค่ดัมเบลกับม้าราบแล้วเจ็บข้อมือที่เป็นพังผืดอยู่เลยหยุดไปได้สักเกือบปี ตอนนั้นน้ำหนัก 99 กก. ปัจจุบันเลยตั้งใจว่าถ้าหายเจ็บเข่าจะกลับไปเล่นเวทเทรนนิ่งสร้างกล้ามเนื้อสลับกับวิ่งเหยาะทำคาร์ดิโอ  ที่ไหนได้ผมไปเล่นเวทได้แค่วันเดียว และวิ่งอาทิตย์นึงไม่ถึง 4 วันแถมบางอาทิตย์หยุดไปดื้อๆซะงั้น เฮงซวยมากไม่สามารถบังคับตัวเองได้ (ล้มเลิกแต่ไม่ถึงล้มเหลว…)

สิ่งเหล่านี้ที่ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้เพราะ “ขี้เกียจ” แต่อีกสิ่งนึงที่หยุดผมไว้แต่ต้นคือ “ความกล้า” ด้วยเช่นกัน เพราะผมมักจะคิดกังวลไปเองว่า ถ้าเลยเวลาที่กำหนดแล้วผลัดไปอีกวันดีกว่า ไปเล่นตอนนี้คนเยอะเดี๋ยวไม่ได้เล่น หรือว่ากลัวว่า ถ้าไปเล่นเวทตอนนี้จะปวดตัวแล้วขับรถไม่ไหว เอาเข้าจริงมันก็คือข้ออ้างดีๆ นี่เองครับ

แต่แน่นอนสิ่งนึงที่จะทำให้คนเราตัดสินใจออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักมันต้องถึงจุดที่เรียกว่า ใกล้ตายห่าแล้ว เป็นโรคร้าย และอึดอัดกับร่างกายเดินเหินลำบากหายใจลำบาก ซึ่งตอนนี้ผมรู้ได้เลยว่า “หายใจลำบาก” และการขยับตัวก็เริ่มอืดๆแล้วเช่นกัน

บล็อกนี้เลยเขียนมาเพื่อเริ่มต้นใหม่กับตัวเองอีกครั้งโดยป้าหมายใหม่นี้คงไม่ใช่แค่การลดน้ำหนัก แต่จะมีการสร้างกล้ามเนื้อด้วย  และจะเริ่มต้นเมื่อกลับ กรุงเทพฯน่าจะหลังสงกรานต์ สิ่งที่ต้องทำนอกจากเขียนบล็อกพล่ามบอกคือ ดึงความกล้าไม่คิดหาข้ออ้างเจ็บนู่นเจ็บหนี้เวลาไม่ตรง หรือเหตุผลต่างๆนาๆมาเพื่อให้ร่างกายขี้เกียจแบบโง่ๆอีกต่อไป ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จก็จะมาเขียนแบ่งปันในบล็อกนี้เป็นระยะๆว่าทำอะไรมาบ้าง เผื่อมีใครมาอ่านเจอจะได้มีกำลังใจ หรือบางอย่างไม่ได้ผลก็อย่าเอาไปทำ ตัดบทจบเลยละกัน บายๆ ขอให้โชคดีครับ