ตาตั้ม • โพสต์.

ไม่ใช่นักดื่ม ?

Tum Sirichai
ตาตั้ม

จำได้ว่าแตะเหล้าครั้งแรกตอนอนุบาล บร๊ะ !!! นี่มันคอทองแดงแต่เด็ก เปล่าเลย ตอนนั้นเหมือนโดนผู้ใหญ่เพื่อนของพ่อแม่จัดงานอะไรสักอย่างแล้วเอามาให้เราจิบไปนิดนึง จำได้เลยว่ามันซ่าขึ้นจมูกแล้วลามไปหัวทันที (ขนาดตอนเด็กนะนั่น)

หลังจากนั้นมาจนถึง ม.ต้นก็ไม่เคยแตะแอลกอฮอล์อีกเลย ผ่านมาจนถึงช่วง ปวช. แน่นอนมาสายช่างก็ย่อมมีดื่มบ้างและช่วงวัยรุ่นด้วย แต่กลุ่มที่สนิทก็ไม่ค่อยมีใครเป็นนักดื่มมากนัก ส่วนใหญ่จะเล่นกีฬากันซะมากกว่า นานๆทีก็มีปาร์ตี้ตามสไตล์เด็กเทคนิคบ้างเล็กน้อย

ตอนช่วงนั้นลองสูบบุหรี่ดูแต่ไม่ชอบ โชคดีไปไม่งั้นทุกวันนี้คงเสียเงินไปค่าบุหรี่แหงมๆ (อย่าดราม่ากันนะจ๊ะ ใครอยากสูบก็สูบไปเรื่องของคุณ)

เราไม่ใช่นักดื่ม !

เราเมาครั้งแรกตอน ปวช. อีกนั่นล่ะ และไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ครั้งแรกเมาเพราะตอนนั้นเป็นวัน “ไหว้ครูช่าง” ซึ่งแน่นอนพอเสร็จพิธีก็ไปเที่ยวต่อเลยไปหาร้านนั่งกินข้าวสั่งเบียร์กันมา กินเบียร์ครั้งแรกแบบจัดเต็มสุดท้ายเมา เมาแบบพอรู้ตัวสติมีเล็กน้อยแต่ เดินเซแล้วล่ะ ข้อดีเลย ความกล้าและอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนก็พาเดินไปห้างอีกจำได้ว่าขาพันกันเหมือนมีอยู่ 10 ขา จะล้มอยู่นั้นล่ะ

ในช่วงเดียวกันก็ซื้อเหล้าเบียร์มากินที่หอพักเพื่อน จำได้ว่าฝนตกกินจนเมาอีก มายืนเต้นหน้าหอเพื่อนท่ามกลางสายฝน มีสติพอรู้ตัวบ้าง (นึกแล้วขำตัวเอง)

หลังจากนั้นพอเข้ามหาวิทยาลัยฯก็แอบเอาเหล้าผสมโค้กเข้ามากินกันตอนแข่งบาสฯ หรือกินสาโทที่เพื่อนทำมาจากบ้าน บอกเลยว่าไม่เคยกินมาก่อนเห็นหวานๆ เราเลยกินไปหมดเหยือกผลคือ เมาคามหาวิทยาลัยฯเลย ดีนะอาจารย์ไม่เห็นได้เจอดีแน่ตอนนั้น ...

แต่มีครั้งนึงที่เมาเพราะเรื่องความรักครบเลย “อกหัก” เลยหาสุรามาย้อมใจ ถ้าจำไม่ผิดกระดกบลูอีเกิ้ลไปเกือบครึ่งกลมเพียวๆ ตอนนั้นเรียกได้ว่าหนักสุดแล้วล่ะคือ เมาจนคลานเหมือนหมาและแทบไม่มีสติร้องโหยหวนบ้าบอ อาจจะถามว่ารู้ตัวได้ไง เพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกันสมัยนั้นบอกเราเอง

มึงนี่ทุเรศมากเมาเหมือนหมา “หมาแบบไม่ผสมคนเลย”

ซึ่งแน่นอนคิดว่าต่อไปคงไม่เป็นแบบนี้แล้ว เพราะครั้งนี้ถือว่าสุดและจะเป็นการเมาครั้งสุดท้าย แต่มันยังขาดอีกนิดนึงคือ “เมาแล้วต้องอ๊วกด้วย” แน่นอนช่วงวัยทำงานเราได้กินไวด์ไปครึ่งขวดด้วยความที่คิดว่ามันคงไม่มีอะไรเหมือนสาโทอีกนั้นล่ะ คราวนี้ทั้งเมาทั้งอ๊วกแถมอ๊วกใส่ห้องน้ำเพื่อนร่วมทริป (ตอนนั้นไปเที่ยว)

ครั้งนี้เราถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายเลยที่เมา “เพราะทำให้คนอื่นเดือดร้อน” ปกติเป็นคนไม่ชอบทำให้ใครเดือดร้อน หรือเบียดเบียนใครอยู่แล้ว ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนเลยทีเดียว

ตั้งแต่ครั้งนั้นมาก็มีดื่มมาตลอดเฉพาะกิจเต็มที่แบบสุดก็แค่มึนเล็กน้อย และรู้ตัวมาโดยตลอด บางคนอาจจะคิดว่าเราเมา จริงๆแกล้งเมาดิบไปงั้นล่ะ “เพื่อความบันเทิง”

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการ “ดื่มแล้วเมา” คือ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย 100% มันมีแต่เสียเวลา , เสียบุคคลิกภาพ หรืออาจจะเสียคนที่รักไป เพราะฉะนั้น

“จงดื่มให้เป็น” แล้วจะเจอแต่สิ่งดีๆ …