ทริปสั้นๆที่เขาค้อ
ความเขียวของต้นไม้ใบหญ้ายังคงสำคัญกับการใช้ชีวิตของผมเรียกได้ว่าถ้าไม่ได้เห็นอะไรเขียวๆนานๆ แทบจะกระวนกระวายใจทีเดียว ถ้าไม่ได้ไปไหนขอให้ได้ไปวิ่งในสวนก็ยังดีอุอุ… พูดถึงเขาค้อได้ยินคนพูดบ่อยๆ ไม่น้อยกว่าเขาใหญ่หรือวังน้ำเขียวเลย พอถามว่าไปนอนสักคืนแต่ให้ไกลกรุงเทพฯ เขาค้อก็เป็นหนึ่งสถานที่ที่ถูกแนะนำเสมอ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่เคยไปเลย อาศัยผ่านไปผ่านมาอยู่ 2-3 ครั้ง ถึงเวลาแล้วซินะ! และนี่เองก็ทำให้เกิด
โดยตั้งใจไปกลับ 2 วัน 1 คืน ในวันเสาร์อาทิตย์และจองห้องพัก “แทนรัก ทะเลหมอก (บ้านสีส้ม)” ไว้ครับค่าห้องมีหลายราคา 2,000 กว่าบาท ถึง 4-5,000 บาท นะถ้าจำไม่ผิดนะครับ ห้องที่ไปพัก 2,400 บาท ตรงนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเดือนราคาจะแตกต่างกันไปตามฤดูท่องเที่ยวครับ ขับรถจากกรุงเทพโดยใช้เส้น สระบุรี -เพชรบูรณ์ จากกรุงเทพถึงเข้าค้อประมาณ 400 กิโลเมตร (เลขกลมๆไปเลย) เลยตัวเมืองเพชรบูรณ์มาไม่กี่กิโลเมตรจะมีทางให้เลี้ยวเข้าเขาค้อด้านซ้ายตรงนี้เข้าได้หลายทางครับ ขอไม่อธิบายแล้วกันดู Google Map ง่ายกว่า
เลี้ยวซ้ายขับรถขึ้นลงเขามาได้ประมาณ 30-40 นาที ทางไม่ชันมากเมื่อเทียบกับภูทับเบิกหรือภาคเหนือขับรถสบายๆ ก็มาถึง ” ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ)” เป็น พิพิธภัณฑ์ อาวุธ แหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เสียค่าเข้า 10 บาทต่อคน ด้านในก็จะมี รถถัง, เฮลิคอปเตอร์ ,ปืนใหญ่,เครื่องบินรบ สมัยก่อนให้ดูมากมาย ดูไปก็หดหู่เล็กน้อยกับยุคคอมมิวนิสต์ยุคนั้น แต่ก็อย่างว่ามันคือประวัติศาสตร์ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแแปลงมันได้
ถัดจากมาไม่ไกลขับรถออกมาจาก ฐานอิทธิ (พิพิธภัณฑ์อาวุธ) ประมาณ 800 เมตรก็จะพบกับ อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ยังไงก็ต้องแวะนิดนึงครับ เพราะว่าถ้าขึ้นมาแล้วมันจะเป็นทางวิ่งรถทางเดียวขึ้นแล้วลงอีกทาง จะมีแท่งหินอ่อนรูปทรงสามเหลี่ยม และบังเกอร์ฐานกำลังที่มีจุดชมวิวไปในตัว มองไกลๆจะเป็นยอดพระบรมสารีริกธาตุเขาค้อค่อนข้างชัดเจน ถ้าผ่านก็แนะนำให้เข้าไปชมความงามด้านในของ พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อกันนะครับใช้เวลาไม่นาน
หลังจากแวะตามสถานที่ต่างๆก็มาถึงแล้ว “แทนรัก ทะเลหมอก (บ้านสีส้ม)” ขับไปก็ยังแอบมึนเล็กน้อยว่านี่มันร้านกาแฟรึเปล่าวะเนี่ย!! พอเหลือบไปเห็นป้ายหินของแทนรักก็ใจชื้นมาถูกที่แล้ว คือด้านหน้าเป็นร้านอาหารและกาแฟแบบนั่งชิลชมวิวทิวทัศน์ด้านล่าง (วิวสวยมาก โดยเฉพาะช่วงเย็น ^^) ส่วนด้านหลังถัดลงไปข้างล่างนิดนึงจะเป็นห้องพักครับ โดยเราขับรถตามทางของรีสอร์ทเองทางจะค่อนข้างชันนิดนึงแต่รถเก๋งลงได้สบายจะมีที่จอดสำหรับผู้มาพักครับจอดรถได้ประมาณ 10 คัน
รอบๆจะตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดสวยงามถือว่าตกแต่งได้ดีเลยทีเดียวใครชอบถ่ายรูปรับรองได้เลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ แถมยังเป็นมุมสูงเห็นวิวด้านล่างสวยงามช่วงเย็นแสงสีทองจะสาดส่องผ่านเขามายังเบื้องล่างดูแล้วช่างสบายตามากครับ
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็เดินลงมาตามบันได้โดยห้องพักจะอยู่ใต้ที่ทำหรับไว้บริการอาหารเช้าบนดาดฟ้า ออกแบบได้ดีใช้พื้นที่คุ้มแล้วก็ยังมีดอกไม้ตกแต่งตลอดข้างทาง หันไปทางไหนก็สวยไปหมด ^^ ที่ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดนะแทบทุกอย่างมีโลโก้ตัวเองแปะไว้หมด เช่น ทิชชู่ ขวดสบู่เหลว หรือแก้วน้ำ อ่อพวกน้ำเปล่าน้ำอัดลม หรือขนมต่างๆ ทานได้ฟรีทั้งหมดนะครับ น้องที่มาเปิดห้องเขาบอกมาจริงๆมันมีป้ายบอกแล้วล่ะว่าทานฟรีนะจ๊ะ (สงสัยกลัวคนไม่กล้าหยิบ 555+)
ด้านในห้องตกแต่งเรียบง่ายและสะอาดมากๆผมเป็นภูมิแพ้ไม่มีจามเลย และมีระเบียงไว้นั่งชมวิวหรือจะจิบกาแฟอ่านหนังสือเพลินๆก็ได้เลยนะ เห็นว่าช่วงเช้าหมอกแทบจะลอยเข้าห้องเลยทีเดียวเพราะว่า ถึงแม้จะอยู่บนเขาก็จริงแต่ก็ไม่ได้สูงจนเราอยู่เหนือทะเลหมอก แต่ยังถือว่าวิวดีมากอยู่ดีล่ะ
หลังจากนอนพักดื่มด่ำบรรยากาศไป 1 คืน ก็ถึงเวลาต้องกลับกรุงเทพฯละนะ (เร็วแท้…) ก่อนไปขอไปลงอีกทางนึงฝั่งหล่มสัก เพราะว่าจะไปแวะ “วัดพระธาตุผาแก้ว” ก่อนสักนิด ขับไปไม่ไกลมาก 30-40 นาทีก็ถึงแล้วครับ คนค่อนข้างเยอะ อย่างว่าวัดกับคนไทย ที่จอดรถมีให้จอดได้หลายสิบคันแต่ก็ไม่ค่อยจะพอนักก็วนเอา ตัววัดโอบล้อมด้วยภูเขา และตกแต่งด้วยหินและกระเบื้องสีต่างๆ ดูไปก็เหมือนแก้วหลากสีสัน มีหลายชั้นออกแนวภูเขาทองก็เดินวนขึ้นเรื่อยๆครับ และได้ชมวิวรอบๆซึ่งสวยงามดีทีเดียว ก็ขอจบบล็อกนี้ด้วยรูปจาก “วัดพระธาตุผาแก้ว” แล้วกันนะครับ ^^
ชื่อ ศิริชัย ธีรภัทรสกุล ชื่อเล่น “ตั้ม” สนใจเรื่องการพัฒนาตัวเอง หลงใหลการถ่ายรูป เวลาว่างมักชอบอ่านหนังสือ ปัจจุบันทำอาชีพ รับพัฒนาเว็บไซต์ ครับ